ลมหนาวมา หลังคาปลิวไป

ลมหนาวมา หลังคาปลิวไป
ข้อดีของการใช้วัสดุธรรมชาติในการทำหลังคา คือ บังแดดได้ กันฝนดี มีความเย็น ไม่อบร้อน ราคาย่อมเยาว์ แลดูคลาสสิค แต่ก็ต้องแลกมากับการวนเวียนอยู่ในฤดูแห่งการซ่อมแซมและเปลี่ยนใหม่ ปีแล้วปีเล่า เนื่องจากมีอายุการใช้งานที่ไม่นานนัก
แต่ครั้งนี้ลมหนาวมาแรงเหลือเกินต้าน หลังคาอาคารศูนย์เรียนรู้ด้านสัตว์ป่า ของมูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย จังหวัดระนอง ที่ถูกใช้รองรับนักเรียนมาเรียนรู้นับครั้งไม่ถ้วน ใช้เป็นที่รักษาสัตว์ป่าป่วยหลายสิบหลายร้อยตัว ใช้ให้คนมาดูงาน ใช้เป็นที่ประชุมหมู่บ้าน เป็นที่รองรับยามเกิดสึนามิ ถูกยืมใช้จากหน่วยงานส่วนท้องถิ่นและทหารในการอบรมชาวบ้านมาร่วมร้อยโครงการ ใช้เป็นที่ผูกเปลนอนหลบฝน ใช้เอารถแอบมาจอดหลบแดด ฯลฯ ได้ถูกลมหนาวระลอกนี้พัดเอาหลังปลิวหลุดหล่นลงมา จนไม่สามารถใช้เป็นร่มบังฝนกันเปียกได้อีกต่อไป
คงถึงคราต้องซ่อมเปลี่ยนแปลงกันไป เจ้าอาคารแห่งตำนานหลังนี้

ลิงแสมโดนใบพัดเรือตัดร่างขณะว่ายน้ำข้ามเกาะ อาการปางตาย

บ่ายวันนี้ทางมูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย ได้รับการประสานงานขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ว่ามีลิงแสมบาดเจ็บอยู่บนเรือยอร์ชที่จอดอยู่ในท่าจอดเรือ จังหวัดภูเก็ต จึงรีบระดมทีมมุ่งหน้าไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่จากเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว

เมื่อไปถึง พบลิงแสมมีบาดแผลบาดยาวตามลำคอ ไหล่ และอีกหลายแห่งทั่วตัว นั่งตัวสั่นอยู่บนเรือยอร์ชหรูที่จอดอยู่ในท่าจอดเรือ มีอาการตื่นและระแวงคอยหนีคนด้วยอาการทุลักทุเล เมื่อเห็นท่าไม่ดีเกรงว่าหนีตกทะเล จึงรีบทำการเป่ายาสลบเพื่อจับตัวและมอบให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯนำไปรักษาอาการอย่างเร่งด่วนต่อไป

สอบถามผู้คนในระแวกใกล้เคียงพบว่าน่าจะเป็นลิงแสมที่ว่ายน้ำข้ามมาจากเกาะเพื่อกลับเข้าสู่แผ่นดินฝั่งภูเก็ต แต่เกิดพลาดไปโดนใบพัดเรือที่เล่นไปมาอยู่เป็นจำนวนมากในบริเวณนั้น ทำให้เกิดบาดแผลฉีดขาดยาวตามลำตัวหลายแห่ง แล้วจึงพยายามหนีตายเอาตัวรอดขึ้นมาอยู่บนเรือดังกล่าว

จับลิงแสมแหกกรงไปรบกวนชาวบ้าน

เมื่อวานนี้ทางมูลนิธิฯได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ให้ช่วยเข้าทำการจับลิงแสมที่เข้าไปรื้อครัวชาวบ้านจำนวน 3 ตัว ในบริเวณรอบๆเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทวจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นลิงชุดเดียวกันกับที่ได้แหกกรงหลุดมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา (อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่)

ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ จึงได้เตรียมเครื่องมืออุปกรณ์เดินทางร่วมกับเจ้าหน้าที่ของทางเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว ไปยังจุดที่ได้รับแจ้งเหตุเดือดร้อนจุดแรกบริเวณบ้านพารา พบลิงแสมเพศผู้ขนาดโตเต็มวัยหนีขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้าน หลังจากพยายามใช้วิธีการล่อจับไม่สำเร็จ เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯจึงใช้ลูกดอกยาสลบเป่าแล้วนำมาให้มอบไว้ในบริเวณน้ำตกบางแป พร้อมได้จัดเตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้ให้

หลังจากนั้นจึงเดินทางไปยังจุดเดือนร้อนที่สอง ซึ่งเป็นแคมป์คนงานติดกับเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทวบริเวณบ้านป่าคลอก  พบลิงแสมวัยเด็กจำนวนสองตัว ลักษณะมีความรักใคร่กลมเกลียวคอยดูแลกันอย่างเห็นได้ชัด ไม่ยอมอยู่ห่างกัน จึงทำการช่วยเหลือจับลงมาจากต้นไม้ พบว่าทั้งคู่เป็นเพศผู้โดยมีตัวหนึ่งมีอาการข้อมือหัก จึงนำกลับไปยังคลินิคสัตว์ป่าของทางมูลนิธิฯเพื่อรักษาดูแลอาการ หลังจากทำการตรวจเบื้องต้น ประเมินว่าข้อมือที่หักเกิดขึ้นนานมากแล้ว ไม่มีอาการบวม อักเสบ และลิงไม่แสดงท่าทีของการเจ็บ การตอบสนองข้อนิ้วมือทุกนิ้วเป็นปกติดี และยังพบบาดแผลเล็กน้อยบริเวณฝ่าเท้า เจ้าหน้าที่จึงทำการรักษาและรอเฝ้าดูอาการ เมื่อหายดีแล้วจะนำไปมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯต่อไป

 

ลิงแสมแหกกรงหลุด

ฝากแชร์ ประชาสัมพันธ์

เนื่องจากวันนี้ได้มีชาวบ้านหลายท่านร้องเรียนแจ้งเข้ามาทางโครงการคืนชะนีสู่ป่า ว่ามีลิงที่ทางมูลนิธิฯดูแล หลุดเข้ามารื้อข้าวของในพื้นที่ใกล้เคียงบริเวณน้ำตกบางแป จังหวัดภูเก็ต ขอให้รีบมาดำเนินการจับไปโดยด่วนนั้น

ข้อเท็จจริง คือ ลิงกลุ่มดังกล่าวมาจากโครงการแก้ปัญหาทำหมันลิงของทางภาครัฐ โดยได้ดำเนินการจับลิงแสมออกมาจากพื้นที่ที่รบกวนชาวบ้านบริเวณบ้านยามู ตำบลป่าคลอก จังหวัดภูเก็ตเพื่อมาทำหมันก่อนนำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป โดยเบื้องต้นได้ทำการดักจับและนำมาขังกรงพักไว้เพื่อรอการทำหมัน ณ บริเวณลานน้ำตกบางแป เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว จำนวน 34 ตัวตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

แต่ปรากฏว่าในตอนเช้า พบเพียงกรงว่างเปล่าโดยลิงแสมจำนวนดังกล่าวได้ทำการกระชากแหกตาข่าย บ้างพยายามขุดกรงหนีหายไปจนเกือบหมด

ทั้งนี้หากผู้ใดพบเห็นฝูงลิงแสมในเขตพื้นที่ดังกล่าว ขอความกรุณางดให้อาหารแล้วรีบติดต่อทางสายด่วนกรมอุทยานฯโดยด่วน โทร 1362

เข้าช่วยเหลือ ลูกแมวดาวและอีเห็น

มูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย ได้รับการประสานงานจากทางเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทวให้เข้าทำการรับช่วยเหลือดูแลสุขภาพ แมวดาวและอีเห็น เพื่อคืนสู่ธรรมชาติต่อไป

หลังจากทีมงานเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯเข้าไปตรวจสอบดูในเขตห้ามล่าฯ พบกรงขนาดเล็กสองกรงถูกคลุมบังอยู่จึงทำการเปิดดู กรงแรกพบลูกแมวดาวสภาพมีบาดแผลเล็กน้อยที่บริเวณหน้าผากคาดเดาเบื้องต้นน่าจะเกิดจากอาการเครียดมากจึงเอาหัวดันกรงจนเกิดบาดแผล รอบดวงตามีรอยบวมคาดว่าเกิดจากมดในกรงรุมกัด ส่วนอีกกรงนึงพบอีเห็นข้างลาย หรือภาษาใต้เรียกว่า มูดสัง ตัวค่อนข้างอ้วนทุยผิดธรรมชาติสัตว์ป่า จึงรีบทำการเคลื่อนย้ายมายังบริเวณดูแลสัตว์ป่าของทางมูลนิธิฯ

เมื่อมาถึงจึงรีบทำการย้ายเข้าสู่กรงที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ตรวจสุขภาพและทำประวัติเบื้องต้น พร้อมทั้งค่อยๆทดลองให้อาหารสัตว์ป่าทั้งสองตัวนี้ พบว่าอีเห็นมีอาการเลือกกินอาหารอย่างเห็นได้ชัด คาดเดาได้ว่าถูกเลี้ยงมาด้วยอาหารคนจนเคยชินทำให้มีชั้นไขมันอ้วนค่อนข้างมาก ส่วนลูกแมวดาวนั้นมีอาการหิวโซ แต่ยังมีสัณชาตญาณแมวดาวป่าอยู่สูง ทั้งนี้ทางมูลนิธิฯจะทำการเฝ้าเลี้ยงดูปรับสภาพอาหารและฝึกสัณชาตญาณอีกสักพัก ก่อนที่จะนำปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติต่อไป

ร้อยคำขอบคุณถึง คุณโจ จิรายุสและทีมงาน

ตามที่คุณจิรายุส วรรธนสิน, คุณวศิน วรรณพฤกษ์ และ คุณอาภัสสร ผู้ภักดี ได้มีความตั้งใจจัดทํา โครงการ “เป้ประชด” เสือดํา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการสื่อสารต่อสาธารณชน ให้รับรู้ ตระหนักถึงคุณค่าชีวิตของสัตว์ป่า และ ความเท่าเทียมกันของการมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือเป็นมนุษย์ รวมถึง ได้กรุณามอบรายได้จากการจัดจําหน่าย ให้มูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นทุนสนับสนุน ในการดูแล และช่วยเหลือสัตว์ป่าในประเทศไทยนั้น

ทางมูลนิธิฯ ได้รับเงินบริจาค จํานวน 185,000 บาท (หน่ึงแสนแปดหมื่นห้าพันบาทถ้วน) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยความขอบพระคุณอย่างยิ่ง และขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นกําลังสําคัญ ในการรณรงค์ ต่อต้านการล่าและค้าสัตว์ป่า

มูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทยขอรับรองว่าจะนําเงินของท่านไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อการอนุรักษ์ สัตว์ป่าและผืนป่า การช่วยชีวิตสัตว์ป่า ฟื้นฟูสภาพสัตว์ป่าเพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ รวมถึงการให้การศึกษาเชิงอนุรักษ์ เพื่อคงสัตว์ป่าไว้ให้กับผืนแผ่นดินไทยต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขอขอบคุณอีกครั้ง มา ณ โอกาสนี้ ขออํานาจส่ิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงดลบันดาล ให้คุณจิรายุส วรรธนะสิน, คุณวศิน วรรณพฤกษ์, คุณอาภัสสร ผู้ภักดี, คุณสหรัถ สังคปรีชา, คุณพดลเดช บุนนาค, Mr.Robert Dila, Mr.Razman Bin Nasruddin, คุณพรเทพ สนสูงเนิน, คุณยศพล นิลกําแหง, คุณวิรัตน์ ภัทรดิลก, Ms.Pachara Dila, คุณวัชรี เยี่ยมรักชาติ, คุณฉัตรจงกล ยอดที่รัก, คุณปิยะพร กรอกกระโทก, คุณกฤษณา มณีรัตนมงคล, คุณสาวิตรี มณีรัตนมงคล, คุณกนกวรรณ เฟื่องอารมณ์, Mr.Nicholas Ta, คุณยสวดี โภคาชัยพัฒน์,คริสตจักรแห่งความสุข และผู้สนับสนุนทุกท่าน ประสบแต่ความสุข ความเจริญ ยิ่งๆขึ้น ตลอดไป

มูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย

ดูข่าวเพิ่มเติมได้ที่   http://news.ch3thailand.com/entertainment/69465

 

ขอความร่วมมืออย่านำสัตว์ป่ามาโยนทิ้งไว้ท้ายรถมูลนิธิฯ

เช้าวันนี้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯต้องพบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยจะปลื้มแต่เกิดขึ้นบ่อยมาก คือมักมีหน่วยงานหรือประชาชนที่จับสัตว์ป่าหรือช่วยชีวิตสัตว์ป่ามา แล้วแอบนำมา “โยนทิ้ง” ไว้ท้ายรถกระบะของทางมูลนิธิฯซึ่งจอดอยู่หน้าสำนักงาน ครั้งนี้เป็นงูเหลือมยักษ์ขนาดน้ำหนักประมาณ 22 กิโลกรัม จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบร่องรอยบาดแผลใดๆ จึงรีบนำไปปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติในจุดที่ห่างไกลจากบ้านเรือนทั่วไป

ทางมูลนิธิฯมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะให้ความช่วยเหลือด้านสัตว์ป่า แต่อยากจะขอความร่วมมือหน่วยงานหรือประชาชนที่จะนำมามอบให้ “กรุณาแจ้งทางเจ้าหน้าที่ในสำนักงานสักนิด” เพราะการแอบนำมาโยนตากแดดไว้ท้ายรถ โดยเฉพาะงู แล้วไม่มีการมัดปากถุงที่แน่นหนาพอโดยเฉพาะถุงปุ๋ยซึ่งงูเหลือมมีพลังมากพอที่จะดันฉีกถุงขาดได้ หากเกิดหลุดขึ้นมาจะมีปัญหาได้ หรือหากเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯไม่ทันสังเกตแล้วสัตว์นั้นต้องอยู่ในถุงตากแดดทั้งวันอาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพหรือชีวิตของสัตว์ป่านั้นๆได้ค่ะ อยากช่วยชีวิตสัตว์ป่าควรให้เกียรติทั้งสัตว์ป่าและเจ้าหน้าที่ด้วยนะค่ะ

มูลนิธิฯให้ความเห็นเรื่องการคืนสัตว์พิการกลับสู่ป่า

วันนี้(8พ.ค.)จากกรณีนางลักขณา ชลานนท์ไพศาล หรือป้าไก่ ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ดำเนินการเอาผิดฐานครอบครองสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต หลังนำลิงแสมและลิงกังมาเลี้ยงดูที่บ้านพัก ซึ่งไม่ได้มีเจตนาหวังผลประโยชน์นั้น

 นายสัตวแพทย์ ชิษณุ ติยะเจริญศรี รองประธานมูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เพื่อป้องกันการถูกดำเนินคดี หากผู้ใดพบสัตว์ป่าที่ถูกทารุณหรือมีบาดแผลหรือพิการ สิ่งแรกที่ต้องทำควรส่งให้สัตวแพทย์รักษาโดยด่วน แล้วจึงไปแจ้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และตำรวจเพื่อลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

แต่จากกรณีของนางลักขณาที่เลี้ยงลิง 2 ตัวนี้ มานานกว่า 4 ปีแล้ว ลิงจะมีความคุ้นเคยกับคนมากกว่าเข้าไปอยู่ในป่า อีกทั้งลิงมีความพิการต้องดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด

หากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะผลักดันลิงเข้าป่า ควรเป็นสัตว์ที่มีร่างกายแข็งแรง ไม่มีความพิการ และมีความคุ้นชินกับธรรมชาติเป็นอย่างดี โดยจะต้องผ่านการตรวจและกักกันโรคให้เรียบร้อย

นายสัตวแพทย์ ชิษณุ ยังกล่าวอีกว่า ในการยึดลิงที่นางลักขณาเลี้ยงไปดูแลนั้น หน่วยงานต้องประเมินว่าสามารถเลี้ยงดูได้อย่างถูกวิธี เช่น ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงแต่ละ รวมถึงจัดหากรงใหญ่เพื่อให้สัตว์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี

ที่มา: https://www.springnews.co.th/view/254432?sp=

ช่วยเหลือครอบครัวชะนีผอมโซ จากสวนสัตว์ร้าง

มูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทยได้รับการประสานงานจากทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯและเจ้าของสวนสัตว์ที่ได้ปิดบริการไปนานหลายปี ให้เข้าทำการช่วยเหลือครอบครัวชะนี จำนวน 5 ตัว เพื่อนำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ

หลังจากเข้าทำการสำรวจในสวนสัตว์แห่งนี้ พบครอบครัวชะนีมีสภาพผอมโซมากโหนอยู่ในกรงขนาดใหญ่ จึงทำการตัดกรงเพื่อช่วยเหลือชะนีออกมาแต่พบว่าทำได้ยากลำบาก สามารถล่อชะนีมาสู่กรงจับได้เพียงแค่สามตัว อีกสองตัวเจ้าหน้าที่ต้องใช้ลูกดอกยาสลบเป่า หลังจากนั้นจึงขนย้ายมาสู่บริเวณที่กักกันโรคสัตว์ป่าขั้นต้นของทางมูลนิธิฯ เช็คสุขภาพตามขั้นตอน แล้วทำการงดอาหาร เจาะเลือดส่งตรวจแลปมาตรฐานโดยได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากทางเจ้าของสวนสัตว์ จากนั้นทำการเฝ้าสังเกตวิเคราะห์สัญชาตญาณสัตว์ป่าเบื้องต้นอยู่นานร่วมเดือน เมื่อผลเลือดกลับมานับว่าโชคดีที่ครอบครัวชะนีนี้ปลอดต่อโรค มีฟันครบ เฉพาะตัวแม่ที่มีนิ้วแหว่งซึ่งเชื่อว่าเกิดขึ้นนานมากแล้ว นอกนั้นไม่มีบาดแผลใดๆ จึงทำการย้ายเข้าสู่กรงโซนฝึกชะนีขั้นต้นขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับชะนีครอบครัวนี้ได้ทั้งหมด 5 ตัว โดยในขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค่อยๆทำการปรับพฤติกรรมการกินก่อนที่จะดำเนินการฟื้นฟูพฤติกรรมสัณชาตญาณต่อไป  ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี

หากท่านหรือบริษัทห้างร้านใดมีความประสงค์จะทำบุญอุปถัมป์ค่าอาหารชะนี 5 ตัวนี้ ซึ่งกินผักผลไม้และอาหารเสริมวิตามินรวมวันละประมาณ 10 กิโลกรัม หรือ 250 บาทต่อวัน (หรือเดือนละ 7,500 บาท หรือปีละ 91,250 บาท) สามารถทำได้โดย ร่วมบริจาคผ่านทาง

บัญชีออมทรัพย์ “มูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย”
ธนาคารกสิกรไทย สาขาสุขุมวิท 33
เลขบัญชี 096-2-10048-1

จากนั้นแนบสลิปพร้อมชื่อที่อยู่ส่งมาที่ info@wildlifeofthailand.org เพื่อทางมูลนิธิฯจะได้ส่งใบรับเงินลดหย่อนภาษีกลับไปให้ท่าน ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้

ให้ความรู้ท่องเที่ยวแบบไม่ทำร้ายสัตว์ป่า

วันนี้มูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย ได้รับเกียรติให้บรรยายและแนะนำเกี่ยวกับการท่องเที่ยวชุมชนเพื่ออนุรักษ์สัตว์ป่าให้กับทางสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ตและผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาเข้าร่วมงาน ณ โครงการคืนชะนีสู่ป่า ถึงแนวทางในการโปรโมทท่องเที่ยวที่ไม่ส่งผลกระทบถึงสัตว์ป่า การทำแพคเกจที่ไม่สนับสนุนการทำร้ายสัตว์ป่า รวมถึงความสำคัญในการอนุรักษ์สัตว์ป่าต่อภาพลักษณ์ในการท่องเที่ยวของประเทศไทย